สินค้าพลาสติกที่เราพบเห็นกันในท้องตลาดปัจจุบัน ถูกผลิตขึ้นจากวัสดุพลาสติกหลากหลายชนิด ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน จึงทำให้สินค้าจากวัสดุพลาสติกแต่ละชนิดนั้น เหมาะกับเทคโนโลยีหรือรูปแบบการพิมพ์ลายที่แตกต่างกันไปด้วย หลายคนอาจลังเลอยู่ว่าจะเลือกวิธีพิมพ์ลายแบบไหนดี? หรือสินค้าของเราเหมาะกับการพิมพ์แบบใด?

จากประสบการณ์ในการผลิตสินค้าพลาสติกและการเป็นโรงพิมพ์พลาสติกชั้นนำของ S.I.B. PLASTIC ในบทความนี้เราจะพาไปสำรวจ 6 รูปแบบการพิมพ์ลายลงบนพลาสติก ที่มีประสิทธิภาพดีและได้รับความนิยมสูงสุด ลองมาเช็กกันว่ามีแบบใดบ้าง

1. ระบบดิจิตอลอิงค์เจ็ท (Digital Ink Jet Printing)

การพิมพ์ระบบดิจิตอลอิงค์เจ็ทเป็นรูปแบบการพิมพ์ที่มีคุณภาพสูง ด้วยการใช้หมึกชนิดพิเศษ ระเหยแห้งได้เอง พิมพ์สีเต็มรูปแบบลงบนวัสดุพลาสติก ลักษณะคล้ายกับการพิมพ์ลงกระดาษทั่วไป นิยมใช้กับงานจำนวนน้อย หรืองานพิมพ์แค่รอบเดียว เพราะหมึกมีราคาสูง การพิมพ์จำนวนมากจึงไม่คุ้มทุน เหมาะกับสินค้าหลายประเภท เช่น เทปกาวไวนิล, เทปพิมพ์ลาย, ประตู เป็นต้น

2. ระบบพิมพ์สกรีน (Screen Printing)

การพิมพ์สกรีนเป็นรูปแบบการพิมพ์ที่นิยมใช้กันมานาน สามารถใช้ได้กับวัสดุหลากหลายชนิด เช่น แผ่นพลาสติก, ผ้า เป็นต้น โดยการใช้บล็อกพิมพ์และปาดสีลงบนวัสดุพลาสติก อบแห้งด้วยแสง UV ให้งานพิมพ์ที่ทนทาน เฉดสีสวยสดใส แต่ลวดลายอาจไม่คมชัดนัก ราคาถูกและคุ้มค่า เหมาะกับการพิมพ์จำนวนมาก

3. ระบบเฟล็กโซกราฟี่ (Flexo Printing)

การพิมพ์ระบบเฟล็กโซเป็นรูปแบบการพิมพ์ที่เหมาะกับการผลิตในปริมาณมาก เนื่องจากมีกระบวนการที่รวดเร็วและคุ้มต้นทุน สามารถพิมพ์ลงบนวัสดุได้หลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนวัสดุที่บางและยืดหยุ่นได้ อย่างบรรจุภัณฑ์อาหาร. ถุงพลาสติก, ฉลากสินค้า, เทปไวนิล ฯลฯ แม้ว่าการพิมพ์เฟล็กโซจะให้คุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าการสกรีน แต่ก็ยังไม่ได้คมชัดเท่าการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท

4. ระบบพิมพ์ยูวี (UV Printing)

เป็นการพิมพ์ลงบนวัสดุผิวเรียบและทำให้หมึกในทันทีด้วยแสง UV ให้งานพิมพ์ที่มีคุณภาพสูง คมชัด และทนทาน ด้วยหมึกพิมพ์ชนิดพิเศษที่มีความสามารถในการยึดเกาะได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังสามารถพิมพ์สีขาว พิมพ์กลับด้าน พิมพ์นูน และเคลือบใสได้อีกด้วย

5. ระบบพิมพ์แพด (Pad printing)

การพิมพ์แพดจะใช้ซิลิโคนเป็นตัวปั๊มลายลงบนพื้นผิววัสดุที่ต้องการ โดยสามารถพิมพ์ลงวัสดุรูปร่างต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นผิวราบเพียงอย่างเดียว นิยมใช้พิมพ์ลงบนสินค้า 3 มิติหลากหลายรูปร่าง เช่น ถ้วยพลาสติก, ขวดพลาสติก, ไม้บรรทัด, ของเล่น เป็นต้น

6. ระบบพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printing)

เนื่องจากการพิมพ์เลเซอร์ใช้หลักการปล่อยผงหมึกและทำให้เกาะบนพื้นผิววัสดุด้วยความร้อนสูง จึงเหมาะกับพลาสติกบางประเภทเท่านั้น คุณควรตรวจสอบคุณสมบัติของวัสดุพลาสติกที่ต้องการพิมพ์ให้ดี ว่ามีคุณสมบัติทนความร้อนสูงได้ ไม่เช่นนั้นพลาสติกอาจละลายติดอยู่ในเครื่องได้

 

มาถึงตรงนี้คุณคงได้รู้จักกับเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ดีที่สุดสำหรับงานพิมพ์พลาสติกกันไปแล้ว ซึ่งวัสดุพลาสติกแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน จึงเหมาะกับรูปแบบการพิมพ์ที่ต่างกันด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกรูปแบบการพิมพ์ลวดลายให้เหมาะกับวัสดุของสินค้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้มั่นใจว่างานพิมพ์บนสินค้าพลาสติกของคุณจะมีคุณภาพสูง สีสวย คมชัด และติดทนนาน คุณสามารถสอบถามรายละเอียดหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญของ S.I.B. PLASTIC ได้ตลอดเวลา